Powered By Blogger

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

Review AKG K701


AKG K701

ว่ากันที่รูปลักษณ์ภายนอก แค่มองจากรูปก็ต้องร้อง... โอ๊ะ แม่เจ้า !.... พอไปเจอของจริงก็ต้องอุทาน ... พระเจ้าช่วยกล้วยทอด!!... ทำไม Design ได้เด็ดขาดขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เหมือนในรูป ในรูปดูดีกว่า ของจริงก็สวยครับ สวยมากๆเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนเห็นรูปผมนึกว่าจะเป็น อลูมิเนียมทั้งตัวซะอีก พอดูของจริงถึงรู้ว่าเป็นพลาสติกสีขาว แต่ขอบอกว่า เข้าคู่กับ iPOD สุดๆเลยครับ


วัสดุที่นำมาใช้ประกอบตัว K701 เลือกได้ค่อนข้างดีทีเดียวครับ แม้จะดูว่าเป็นพลาสติกที่ออกไปทาง iPOD หน่อยๆ แต่ก็เหนียวแน่นและแข็งแรงทีเดียว ตรงช่วงก้านที่อยู่ช่วงคาดหัวซึ่งเป็นเส้นทางผ่านของสายจากหูด้านซ้ายมา ด้านขวา ก็ใช้พลาสติกยางอย่างดีหุ้มเอาไว้ และเท่าที่ใช้มาระยะนึงประกอบกับเห็นคนอื่นๆใช้ ผมรู้สึกว่ายางตัวนี้ไม่พังง่ายๆด้วยครับ ยังไม่เคยเจออาการยางหุ้มหลุดให้เห็นซักที แถมตัว PAD ที่ทำจากกำมะหยี่ก็แข็งแรงดี ไม่ยุบตัวง่ายๆ แต่ข้อเสียคือใช้ไปนานๆแล้วจะเหลือง ส่วนที่เหลือ ทั้งตัวสายเองและแจ็คก็ถือว่าทำได้ออกมาได้เนี้ยบดีทั้งหมด ยกเว้นอย่างเดียวที่ไม่ดี คือ แจ๊คแปลงจากเล็กไปใหญ่ที่แถมมาในกล่องนั้น เป็นแจ๊คที่แยกมาก นอกจากจะเสียบไม่แน่นแล้ว ยังอาจจะไปงัดรูแจ๊คของแอมป์เอาได้ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปใช้ หรือ เลี่ยงไปใช้ของยี่ห้ออื่นจะดีกว่าครับ



ในเรื่องของเสียง


สิ่ง ที่จะประจักษ์ต่อหูครั้งแรกที่ทุกคนได้ฟัง คือ Soundstage ครับ ไม่น่าเชื่อว่า มันกว้างมากกกก..... ในขณะที่ผมคิดว่า UE super.fi pro5 นี่ให้ soundstage ได้ดีที่สุดแล้วเชียว เจอตัวนี้เข้าไป UE แคบไปถนัดเลยครับ.. อย่างเก่ง UE ก็ให้ soundstage ได้ถึงแถวติ่งหูครับ แต่ของ K701 อ้อมหลังไปเลยครับ ลักษณะ soundstage เหมือนล้อมรอบตัวเราไปเลยครับ เรียกว่า soundstage และมิติของเสียง เป็นแบบ 3D เลยครับ เมื่อเวลาเพลงขึ้น จะรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างหลุดออกไปอยู่นอกหัวของเรา เสียงจะโปร่ง โล่ง เหมือนเราไม่ได้กำลังใส่หูฟังแต่อย่างใด นักดนตรีทุกคนก็พากันเล่นดนตรีอย่างมีความสุข ชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นก็อยู่แยกตัวก็อย่างอิสระ แต่อย่างว่า จะเอา Fullsize ลงไปเทียบกับพวก In-ear มันก็กะไรอยู่ เพราะ soundstage มันเกิดจากผลของระยะห่างจาก driver กับหูเราน่ะครับ แถมขนาด driver ก็ต่างกันโข ว่ากันยากเรื่องแบบนี้

รายละเอียดของเสียงกลางผมว่าดีเยี่ยมมากๆเลยครับ เสียงที่เคยหลบๆซ่อนๆเวลาฟังกับหูตัวอื่น ตัวนี้ก็แสดงออกมาได้ชัดเจน แถมมีประกายของเสียงด้วยครับ บางเพลงจะได้ยินเสียงได้ พิ๊ง.... พิ๊ง... เบาๆ ปรกติสิ่งเหล่านี้ UE ไม่เคยมอบมาให้ผมเลย -_-'a เสียงโดยรวมจะออกใสๆ แต่ smooth ไม่บาดหูแต่ประการใด แม้แต่เสียงเครื่องดนตรีประเภทเป่า อย่างทรัมเปท หรือ แซ๊ก ที่เวลาพี่แกเทคขึ้นสูงๆ ถ้าเจอกับ UE นี่ผมต้องหรี่ให้ไว.. แต่พอฟังกับ AKG K701 ผมรู้สึกsmooth ไปกับมันมากๆครับ มันมีการไต่ระดับของ melody ได้พริ้วจริงๆเลยครับ

เสียงไลน์ของกีต้าร์ก็ชัดเจนมากครับ แต่เสียงกลองเนี่ย ออกนุ่มนวลสุดๆเลยครับ เสียงกลองจะไม่แข็งกระด้างเหมือนกับที่ Super.Fi ผมทำได้ แต่ดันไปออกนุ่มๆเหมือนกับที่ UM2 ในขณะที่เสียงอื่นๆไม่ได้มัวเหมือนกับ UM2 เลยครับ ทุกอย่างยังคงกระจ่างใส แต่มีความนุ่มนวลของโทนเสียงต่ำอยู่เต็มเปี่ยมครับ

เรื่องเบสไม่ต้องห่วงครับ มีแน่นอน แต่จะไม่จัดจ้านเหมือน KSC35 หรือ K26P เบาจะออกนุ่มๆ ละมุนละไมเหมือนทาง Grado MS-1 แต่ผมว่า มันนุ่มนวลกว่า MS-1 อีกครับ อาจจะไม่ถูกใจกับเบส lover เท่าใดนัก เพราะเบสไม่กระโชกโฮกฮาก เต็มท้วมอวบอิ่ม แต่สำหรับผม แค่นี้เพียงพอแล้วครับ สำหรับ R&B และ Jazz

เสียง Vocal ก็มีความเป็นมิติมากๆเลยครับ เคยเห็นเสียงร้องเป็น 3 มิติไม๊ครับ ตัวนี้ให้ความรู้สึกได้ประมาณนั้นเลยครับ ผมลองเอาเจ๊ Norah test ดู เพราะคุ้นๆว่า มีคนเตือนเรื่องเจ๊ norah ครับ แกบอกอย่าเอาไปลองฟังกับ K701 นะ ไม่งั้นจะต้องได้หิ้วกลับบ้านแน่ๆ... ซึ่ง ผมไม่ใช่คนหูเบาเชื่อคนง่ายอะไรแบบนั้นครับ เพราะผมเป็นคนหนักแน่นครับ การที่แค่เพลงๆเดียวจะทำให้ผมถึงกับต้องหิ้วเห้วอะไรกลับบ้านนี้ เป็นไปไม่ได้ครับ... ยากกก... ปัจจุบันมันเลยวางแหมะอยู่ในห้องผมนี่แหละครับ K701... ฮือๆ.... ไม่น่าหาเรื่องเลย... นอกเรื่องมากไปแล้ว ต่อๆครับ คือ เสียงเจ๊ Norah จะลอยออกมาแบบเด่นมากๆครับ เสียงเจ๊แกมหัศจรรย์สุดๆเลยครับ ไต่โทนไล่ระดับได้ smooth มากๆ ถึงขนาดผมฟังแล้วรู้สึกว่าเห็นรูปแบบของเสียงเป็นรูปเป็นร่างเป็นมิติเลย ครับ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมก็ฟังเพลงเจ๊แกทุกคืนนั่นแหละครับ แต่ยังไม่เคยรู้สึกถึงความเป็นมิติได้แบบนี้มาก่อนเลย นี่ถ้าไม่ซื้อมาเองคงยังไม่เชื่อหูนะครับ ผมคงคิดว่าตอนนั้นที่ลองฟังอาจจะหลอนไป แต่พอมาตั้งใจฟังเองดีๆ ก็ยังรู้สึกเหมือนดั่งที่ฟังครั้งแรกครับ ที่สำคัญ ตอนที่เจอเพลง Pointer Song ของเจ๊ Norah ช่วงต้นๆเข้าไป ผมถึงกับอึ้งครับ ใครอยากรู้ว่าทำไมถึงอึ้ง แนะนำให้พกไปลองครับ....

เห็นผมชื่นชมขนาดนี้ นั่นเพราะมันแพง เอ๊ย... เพราะมันให้เสียงที่ดีจริงๆครับ ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมต้องทุ่มทุนจนต้องไปรอ lotus หลัง 2 ทุ่ม แล้วเดินวนๆกั๊กๆแถวกระบะลดราคาหรอกนะครับ ( ยิ่งพิมพ์ยิ่งเห็นภาพ ยิ่งเข้าตัว ) อย่าแปลกใจที่เร็วๆนี้ผมอาจจะปล่อยหูฟังหลายตัว เพราะชักจะไม่ไหวแล้วครับ เริ่มจะได้เวลารับประทานแกลบแทนข้าวเช้า มาม่ากลางวัน เย็นต้องลูบท้องด้วยน้ำเปล่า เพราะเดี๋ยวมาม่าหมด stock ก่อนจะถึงปลายเดือน...

ยังมีข้อนึงที่ผมค่อนข้างแปลกใจ คือ ผมรู้สึกเกร็งนิดๆครับ เวลาฟังกับ K701 ทำให้มันเมื่อยบริเวณขมับกับคอมากครับ เมื่อยเหมือนคนนั่งเกร็งหน้านานๆน่ะครับ ไม่เข้าใจว่าอาการนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร เวลาฟังกับ MS-1 นี่ไม่เป็นนะครับ ตอนนี้ผมรู้สึกเมื่อยหน้าเมื่อคอแปลกๆ ทั้งๆที่มันก็ไม่ได้หนักอะไรเลยครับ ค่อนข้างเบาด้วยซ้ำ หรือ จะเป็นอาการแพ้ของแพง 55555 คาดว่าอีกซักพักน่าจะดีขึ้นกว่านี้ครับ ตอนนี้ต้องนวดคอไปพลางๆครับ .... ลองกับหูฟังตั้งหลายยี่ห้อ เพิ่งเจอตัวนี้แหละที่เป็นแบบนี้ .... แปลกมากๆเลยครับ....

อ่านแล้วก็อย่าเชื่อจากความรู้สึกของผมซะ 100% ล่ะครับ จำไว้ 50% แล้วเก็บไปลอง test ดูครับ ผมแนะนำว่า ถ้ามีโอกาสให้ไปลองฟังกับที่ร้าน AV ที่มาบุญครองตรงทางออกรถไฟลอยฟ้าน่ะครับ ฟังดูว่าชอบไม๊ แล้วรู้สึกเมื่อยเหมือนผม เอ๊ย รู้สึกว่าเสียงให้อารมณ์เดียวกับที่ผมรู้สึกไม๊...

ถ้ายังไง ไปฟังแล้วก็อย่าไปชอบมันนะครับ

ไม่งั้นจะหมดตัว

SPEC

Type : Open-back, dynamic headphones
Efficiency : 105 dB/V
Frequency range : 10 Hz to 39.8 kHz Rated
impedance : 62 ohms
Max. input power : 200 mW
Cable : bi-wiring, single-sided, 99.99% oxygen-free cable, 3 m (10 ft.)
Connector : 1/4" hard gold plated
Net weight : (without cable) 235 g (8.3 oz.)

Patent(s) Varimotion – multiple-thickness diaphragm for dynamic transducer

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น