KOSS KSC35
KOSS KSC35 เป็นอีกหนึ่งในตำนานของหูฟังแบบ Clip-ear ที่เป็นที่กล่าวขวัญตั้งแต่ใน head-fi จนมาถึงเมืองไทย และเป็นรุ่นอมตะรุ่นนึงที่ทาง KOSS ต้องผลิตออกมาขายเรื่อยๆ เพราะแฟนๆเรียกร้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในเมืองไทยก็เกิดอาการ Fever อยู่พักใหญ่ๆเลยทีเดียว ตั้งแต่สมัยของมีในตลาดใหม่ๆ จนถึงช่วงที่ของขาดตลาด ความต้องการของ KSC35 ถึงขนาดที่ว่า ใครลงมาขายปุ๊บ เป็นอันขายออกปั๊บ โดยไม่มีการต่อราคา แถมบางคนยังจะให้ราคาแพงกว่าที่เจ้าของตั้งเอาไว้ด้วยซ้ำ
ปััจจุบันสถานการณ์ Fever ก็ลดลงมาอยู่ในระดับปรกติแล้ว เพราะทาง KOSS ก็ได้ผลิตออกมาขายเหมือนเดิม แม้ว่าจะยังเป็นสินค้าที่ขายเฉพาะการสั่งซื้อผ่าน internet และขายเฉพาะใน USA ก็ตาม แต่ทางไทยก็มีคนนำเข้ามาขายให้หลายๆคนได้สัมผัสกันอย่างชื่นใจ
มาดูกันที่งานภายนอก
วัสดุที่ใช้ืำทำ KSC35 เป็นเพลาสติกสีดำธรรมดา แต่ค่อนข้างเหนียวและดูแข็งแรง ช่วงข้อต่อถ้าไม่ดึงเข้าดึงออกมาก ก็ไม่ค่อยจะมีปัญหาเรื่องหลวมหรือพังครับ ตัวสายเป็นสายธรรมดาแบบ KSC75 รวมไปถึงส่วนของ JACK ที่เหมือนกันทุกประการ จุดแตกต่างของคู่นี้ก็คืองาน Design และเรื่องของเสียง ซึ่งตัวงาน Design ของ KSC35 เป็นในรูปลักษณ์แบบดั้งเดิมเหมือนสมัยที่ผลิตใหม่ๆไม่มีผิด สาเหตุที่คง Design เดิมๆไว้ เพราะการเอา Driver ของ KSC35 ไปพัฒนารูปแบบใหม่แล้วออกมาเป็น KSC50 กลับกลายเป็นทำให้คุณภาพเสียงเปลี่ยนไปจา่กเดิม แถมลูกค้าที่ซื้อไปกลับนิยมชมชอบความเป็น KSC35 มากกว่า ดังนั้น ทาง Koss จึงต้องคงรูปลักษณ์เดิมๆไว้ อันนี้แล้วแต่ความชอบครับ บ้างก็ว่าขี้เหร่ ใส่แล้วอายเึค้า แต่บางคนก็บอกว่ามันดู Classic ดี เอาไปว่าเวลาใส่แล้วใครมาถามว่า หูอะไรทำไมขี้เหร่ ก็บอกเค้าไปแล้วกันครับว่า..
"มัน ARTTTTT..... ออก.."
มาว่ากันเรื่องเสียงครับ
สิ่งแรกที่ควรพูดถึงก็คือเบส เพราะ KSC35 ให้เบสที่เหนือกว่า KSC75 แบบเห็นได้ชัด แม้คุณภาพเบสของรุ่นใหม่ๆที่ผมได้ลอง จะสู้รุ่นที่ผมเคย test เมื่อในอดีตไม่ได้ แต่ตัวนี้กลับให้ความรู้สึกของน้ำหนักเบสได้ดีกว่า จริงๆแล้วบางเพลงอาจจะรู้สึกว่าเบสของ KSC35 กับ KSC75 ไม่หนีกันเท่าไหร่ แต่ในบางเพลง KSC35 กลับทำได้ดีกว่า ส่วนนึงผมคิดว่าน่าจะเกิดจาก Sensitivity ย่านเสียงต่ำของ KSC35 ตอบสนองได้ดีกว่า KSC75 ทำให้เพลงบางเพลงที่อัดเบสมาไม่เยอะมาก ตัว KSC35 ก็ถ่ายทอดออกมาได้เต็มๆ
สไตล์เบสของ KSC35 ก็เป็นเบสแบบที่เรียกกันว่า "เป็นลูกๆ" นั่นแหละครับ เพียงแต่ไม่ใช่ลูกที่มีคุณภาพเด่นชัดเหมือนที่จะได้พบในหูฟังระดับแพงๆ แต่ในระดับราคาไม่ถึง 2 พัน ก็ถือเป็นเบสที่มีคุณภาพใช้ได้แล้ว เบสจะค่อนข้างเด่นกว่า KSC75 ตรงที่มีตัวโน้ต หรือ Impact เบสที่ดีกว่า ทำให้ Balance ของ Middle เบสไปกันได้ดีกับ Upper เบส และให้เนื้อเบสที่ค่อนข้างดี มีความแน่น แม้จะมีช่วง middle จะไม่ได้มีการถ่ายน้ำหนักจากแน่นไปเบาได้อย่างไหลลื่น แต่ก็ให้ความชัดเจนและรับรู้ถึงน้ำหนักได้ดี ที่สำคัญมี Deep เบสให้ปิดท้ายอีกด้วย แม้ได้บางเพลงจะโดน Middle กลืนไปนิดบ้างก็ตา่ม แต่โดยทั่วๆไปก็ให้ส่วนของคุณภาพ Deep เบสที่ดีครับ มวลเบสก็อยู่ในระดับกำลังพอดี ไม่บวมเลอะเทอะเหมือนหูฟังบางตัว
เสียง Vocal มีความเด่นและชัดเจน เสียงอาจจะไม่จัดจ้านเท่ากับทาง KSC75 เพราะตัว KSC35 จะให้ความรู้สึกของมวลเสียงร้องได้ดีกว่า แต่การ Focus ก็ยังชัดเจนสู้ของ KSC75 ไม่ได้ เหตุผลเพราะ image ในส่วนของ Vocal หรือตัวนักร้อง จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าของทาง KSC75 ทำให้จุดเด่นของ KSC35 เลยไปตกอยู่ที่การฟังเพลงทั่วๆไป ไม่ได้เน้นเพลงเด่นเสียงร้องประเภทแบบ Susan Wong หรือ Emi Fujita ดังนั้น ทั้งคู่จะมีแนวทางของการฟังเพลงไปในคนละแนว
เสียงสูงจะค่อนข้างออกไปทาง KSC75 มากๆ แต่ความสากและความจัดจ้านจะน้อยกว่า KSC75 แต่เสียงเครื่องดนตรีตระกูล Crumble ทั้งหลาย ก็ยังคงกลายสภาพเป็นแผ่นสังกะสีเหมือนเ้ดิม แต่เห็นผมบอกอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเสียงตีมันจะก๊องแก๊งนะครับ คือ มันชัด ใส และ Focus ได้ดีั เพียงแต่ signature ของมัน จะออกไปทางหยาบๆหน่อย แต่ก็ไม่ได้แตกพร่า หรือมีขอบเสียงสูงแบบจัดๆคมๆให้ได้บาดหูกัน โชคดีที่มันยังมีความพริ้วอยู่บ้าง ทำให้ปลายเสียงสูงไม่ห้วนและยังทอดตัวได้ดีอยู่ โดยรวมต้องถือว่ามันทำได้ดีในระดับราคานะครับ เพราะการแยกเสียงสูงทำได้ชัดเจนทีเดียว เพียงแต่การให้รายละเอียดยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งก็ตามราคา ตามคุณภาพวัสดุที่ใช้ทำ driver แหละครับ
เรื่องมิติเสียงกลางและ soundstage จะแตกต่างจากของ KSC75 นิดหน่อย คือ ตัว KSC75 จะให้ความรู้สึกถึงด้านลึกของมิติเสียงกลางที่ดีกว่า ในขณะที่ KSC35 จะมี soundstage ที่กว้างกว่า สังเกตได้ง่ายชัดๆคือ เครื่องดนตรีชิ้นเดียวกัน โดยเฉพาะที่อยู่ด้านข้างซ้าย หรือ ด้านขวา แล้วอยู่ตำแหน่งๆไกลๆช่วยปลายๆของ soundstage ถ้าเป็นของ KSC75 จะถูกยกสูงขึ้นกว่า KSC35 step นึง และดึงระยะเข้ามาใกล้กว่าของ KSC35 ในขณะที่ KSC35 จะห่างไปได้ดีกว่า แต่ระนาบก็จะอยู่ระดับเดียวกับหูของเรามากกว่า และด้วย Vocal ที่มีขนาด image ที่ใหญ่ ทำให้ KSC35 ให้ความรู้เหมือนมิติเสียงกลางจะด้อยกว่า KSC75 หน่อยๆ ก็ต้องแรกมวยกันนิดนึงละครับ อยากได้เบส soundstage ก็ KSC35 อยากได้มิติเสียงกลาง Vocal ชัดๆ ก็ต้องเลือก KSC75
สรุปโดยรวมแล้ว ถือเป็น Clip-ear ที่น่าใช้อีกรุ่นนึง ความจริงผมก็วิจารณ์โหดไปหน่อย ซึ่งถ้ามาพูดถึงราคาค่าตัวของมัน ก็ถือว่ามันทำได้ดีมากๆแล้วนะครับ ลำพัง Full-size ที่ราคาอยู่ในระดับนี้ ผมยังไม่มั่นใจเลยว่าจะมีตัวไหนให้เสียงได้ในแบบ KSC35 ได้บ้าง ( ไม่นับ Portapro กับ Sportapro นะครับ เพราะมัน Driver เดียวกัน ) ที่สำคัญ ตัว KSC35 ถ้าได้แอมป์ดีๆอย่าง Voyager มาประกบ มันจะกลายเป็นหูฟังที่ดีมากๆทีเดียวครับ
นิดนึงนะครับ เห็นว่าสมัยก่อน KSC35 มันประกัน Lifetime Warranty ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังเป็นอยู่แบบนั้นหรือเปล่า คือ Lifetime Warranty ของ KSC35 ไม่ได้เหมือน lifetime Warranty ของเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆนะครับ ที่มักจะโม้ว่า Lifetime แต่พอถามจริงๆดันบอกว่า เป็น lifetime ของเครื่อง ซึ่งเค้าก็กำหนดเอาเองว่า 2 ปี หรือพูดง่ายๆคือประกัน 2 ปี แต่บอกว่า lifetime ให้มันดูหรู...
แต่ของ KSC35 คือ Lifetime Wattanty จริงๆ เป็น lifetime ที่เรียกว่า ตลอดชีวิต ของคนที่ซื้อมันใช้นั่นแหละครับ เปลี่ยนกันจนกว่าจะเลิกผลิตกันอีกรอบนึง ดังนั้น มันจึงเป็นหูฟังที่ประกันสุดยอดที่สุดแล้วครับ เพียงแ่ต่ไม่รู้เดี๋ยวนี้นโยบายเปลี่ยนหรือเปล่า ถ้าเปลี่ยนก็น่าเสียดายครับ...
แล้วก็ KSC35 มีแบบปลอมระบาดเหมือนกันนะครับ ในไทยเองผมยังไม่เคยเห็นแบบจริงๆจังๆ ( ไม่มั่นใจตัวที่เคยเจอในอดีตจะเป็นของปลอมหรือเปล่า ) ถ้าจะซื้อก็ดูดีๆแล้วกันครับ เพราะของปลอมทาง KOSS ไม่รับประักันครับ ผมมีรูปให้ดูเทียบงานของ copy กับของแท้ด้วยครับ
SPEC KOSS KSC35 เป็นอีกหนึ่งในตำนานของหูฟังแบบ Clip-ear ที่เป็นที่กล่าวขวัญตั้งแต่ใน head-fi จนมาถึงเมืองไทย และเป็นรุ่นอมตะรุ่นนึงที่ทาง KOSS ต้องผลิตออกมาขายเรื่อยๆ เพราะแฟนๆเรียกร้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในเมืองไทยก็เกิดอาการ Fever อยู่พักใหญ่ๆเลยทีเดียว ตั้งแต่สมัยของมีในตลาดใหม่ๆ จนถึงช่วงที่ของขาดตลาด ความต้องการของ KSC35 ถึงขนาดที่ว่า ใครลงมาขายปุ๊บ เป็นอันขายออกปั๊บ โดยไม่มีการต่อราคา แถมบางคนยังจะให้ราคาแพงกว่าที่เจ้าของตั้งเอาไว้ด้วยซ้ำ
ปััจจุบันสถานการณ์ Fever ก็ลดลงมาอยู่ในระดับปรกติแล้ว เพราะทาง KOSS ก็ได้ผลิตออกมาขายเหมือนเดิม แม้ว่าจะยังเป็นสินค้าที่ขายเฉพาะการสั่งซื้อผ่าน internet และขายเฉพาะใน USA ก็ตาม แต่ทางไทยก็มีคนนำเข้ามาขายให้หลายๆคนได้สัมผัสกันอย่างชื่นใจ
มาดูกันที่งานภายนอก
วัสดุที่ใช้ืำทำ KSC35 เป็นเพลาสติกสีดำธรรมดา แต่ค่อนข้างเหนียวและดูแข็งแรง ช่วงข้อต่อถ้าไม่ดึงเข้าดึงออกมาก ก็ไม่ค่อยจะมีปัญหาเรื่องหลวมหรือพังครับ ตัวสายเป็นสายธรรมดาแบบ KSC75 รวมไปถึงส่วนของ JACK ที่เหมือนกันทุกประการ จุดแตกต่างของคู่นี้ก็คืองาน Design และเรื่องของเสียง ซึ่งตัวงาน Design ของ KSC35 เป็นในรูปลักษณ์แบบดั้งเดิมเหมือนสมัยที่ผลิตใหม่ๆไม่มีผิด สาเหตุที่คง Design เดิมๆไว้ เพราะการเอา Driver ของ KSC35 ไปพัฒนารูปแบบใหม่แล้วออกมาเป็น KSC50 กลับกลายเป็นทำให้คุณภาพเสียงเปลี่ยนไปจา่กเดิม แถมลูกค้าที่ซื้อไปกลับนิยมชมชอบความเป็น KSC35 มากกว่า ดังนั้น ทาง Koss จึงต้องคงรูปลักษณ์เดิมๆไว้ อันนี้แล้วแต่ความชอบครับ บ้างก็ว่าขี้เหร่ ใส่แล้วอายเึค้า แต่บางคนก็บอกว่ามันดู Classic ดี เอาไปว่าเวลาใส่แล้วใครมาถามว่า หูอะไรทำไมขี้เหร่ ก็บอกเค้าไปแล้วกันครับว่า..
"มัน ARTTTTT..... ออก.."
มาว่ากันเรื่องเสียงครับ
สิ่งแรกที่ควรพูดถึงก็คือเบส เพราะ KSC35 ให้เบสที่เหนือกว่า KSC75 แบบเห็นได้ชัด แม้คุณภาพเบสของรุ่นใหม่ๆที่ผมได้ลอง จะสู้รุ่นที่ผมเคย test เมื่อในอดีตไม่ได้ แต่ตัวนี้กลับให้ความรู้สึกของน้ำหนักเบสได้ดีกว่า จริงๆแล้วบางเพลงอาจจะรู้สึกว่าเบสของ KSC35 กับ KSC75 ไม่หนีกันเท่าไหร่ แต่ในบางเพลง KSC35 กลับทำได้ดีกว่า ส่วนนึงผมคิดว่าน่าจะเกิดจาก Sensitivity ย่านเสียงต่ำของ KSC35 ตอบสนองได้ดีกว่า KSC75 ทำให้เพลงบางเพลงที่อัดเบสมาไม่เยอะมาก ตัว KSC35 ก็ถ่ายทอดออกมาได้เต็มๆ
สไตล์เบสของ KSC35 ก็เป็นเบสแบบที่เรียกกันว่า "เป็นลูกๆ" นั่นแหละครับ เพียงแต่ไม่ใช่ลูกที่มีคุณภาพเด่นชัดเหมือนที่จะได้พบในหูฟังระดับแพงๆ แต่ในระดับราคาไม่ถึง 2 พัน ก็ถือเป็นเบสที่มีคุณภาพใช้ได้แล้ว เบสจะค่อนข้างเด่นกว่า KSC75 ตรงที่มีตัวโน้ต หรือ Impact เบสที่ดีกว่า ทำให้ Balance ของ Middle เบสไปกันได้ดีกับ Upper เบส และให้เนื้อเบสที่ค่อนข้างดี มีความแน่น แม้จะมีช่วง middle จะไม่ได้มีการถ่ายน้ำหนักจากแน่นไปเบาได้อย่างไหลลื่น แต่ก็ให้ความชัดเจนและรับรู้ถึงน้ำหนักได้ดี ที่สำคัญมี Deep เบสให้ปิดท้ายอีกด้วย แม้ได้บางเพลงจะโดน Middle กลืนไปนิดบ้างก็ตา่ม แต่โดยทั่วๆไปก็ให้ส่วนของคุณภาพ Deep เบสที่ดีครับ มวลเบสก็อยู่ในระดับกำลังพอดี ไม่บวมเลอะเทอะเหมือนหูฟังบางตัว
เสียง Vocal มีความเด่นและชัดเจน เสียงอาจจะไม่จัดจ้านเท่ากับทาง KSC75 เพราะตัว KSC35 จะให้ความรู้สึกของมวลเสียงร้องได้ดีกว่า แต่การ Focus ก็ยังชัดเจนสู้ของ KSC75 ไม่ได้ เหตุผลเพราะ image ในส่วนของ Vocal หรือตัวนักร้อง จะมีขนาดที่ใหญ่กว่าของทาง KSC75 ทำให้จุดเด่นของ KSC35 เลยไปตกอยู่ที่การฟังเพลงทั่วๆไป ไม่ได้เน้นเพลงเด่นเสียงร้องประเภทแบบ Susan Wong หรือ Emi Fujita ดังนั้น ทั้งคู่จะมีแนวทางของการฟังเพลงไปในคนละแนว
เสียงสูงจะค่อนข้างออกไปทาง KSC75 มากๆ แต่ความสากและความจัดจ้านจะน้อยกว่า KSC75 แต่เสียงเครื่องดนตรีตระกูล Crumble ทั้งหลาย ก็ยังคงกลายสภาพเป็นแผ่นสังกะสีเหมือนเ้ดิม แต่เห็นผมบอกอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเสียงตีมันจะก๊องแก๊งนะครับ คือ มันชัด ใส และ Focus ได้ดีั เพียงแต่ signature ของมัน จะออกไปทางหยาบๆหน่อย แต่ก็ไม่ได้แตกพร่า หรือมีขอบเสียงสูงแบบจัดๆคมๆให้ได้บาดหูกัน โชคดีที่มันยังมีความพริ้วอยู่บ้าง ทำให้ปลายเสียงสูงไม่ห้วนและยังทอดตัวได้ดีอยู่ โดยรวมต้องถือว่ามันทำได้ดีในระดับราคานะครับ เพราะการแยกเสียงสูงทำได้ชัดเจนทีเดียว เพียงแต่การให้รายละเอียดยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งก็ตามราคา ตามคุณภาพวัสดุที่ใช้ทำ driver แหละครับ
เรื่องมิติเสียงกลางและ soundstage จะแตกต่างจากของ KSC75 นิดหน่อย คือ ตัว KSC75 จะให้ความรู้สึกถึงด้านลึกของมิติเสียงกลางที่ดีกว่า ในขณะที่ KSC35 จะมี soundstage ที่กว้างกว่า สังเกตได้ง่ายชัดๆคือ เครื่องดนตรีชิ้นเดียวกัน โดยเฉพาะที่อยู่ด้านข้างซ้าย หรือ ด้านขวา แล้วอยู่ตำแหน่งๆไกลๆช่วยปลายๆของ soundstage ถ้าเป็นของ KSC75 จะถูกยกสูงขึ้นกว่า KSC35 step นึง และดึงระยะเข้ามาใกล้กว่าของ KSC35 ในขณะที่ KSC35 จะห่างไปได้ดีกว่า แต่ระนาบก็จะอยู่ระดับเดียวกับหูของเรามากกว่า และด้วย Vocal ที่มีขนาด image ที่ใหญ่ ทำให้ KSC35 ให้ความรู้เหมือนมิติเสียงกลางจะด้อยกว่า KSC75 หน่อยๆ ก็ต้องแรกมวยกันนิดนึงละครับ อยากได้เบส soundstage ก็ KSC35 อยากได้มิติเสียงกลาง Vocal ชัดๆ ก็ต้องเลือก KSC75
สรุปโดยรวมแล้ว ถือเป็น Clip-ear ที่น่าใช้อีกรุ่นนึง ความจริงผมก็วิจารณ์โหดไปหน่อย ซึ่งถ้ามาพูดถึงราคาค่าตัวของมัน ก็ถือว่ามันทำได้ดีมากๆแล้วนะครับ ลำพัง Full-size ที่ราคาอยู่ในระดับนี้ ผมยังไม่มั่นใจเลยว่าจะมีตัวไหนให้เสียงได้ในแบบ KSC35 ได้บ้าง ( ไม่นับ Portapro กับ Sportapro นะครับ เพราะมัน Driver เดียวกัน ) ที่สำคัญ ตัว KSC35 ถ้าได้แอมป์ดีๆอย่าง Voyager มาประกบ มันจะกลายเป็นหูฟังที่ดีมากๆทีเดียวครับ
นิดนึงนะครับ เห็นว่าสมัยก่อน KSC35 มันประกัน Lifetime Warranty ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังเป็นอยู่แบบนั้นหรือเปล่า คือ Lifetime Warranty ของ KSC35 ไม่ได้เหมือน lifetime Warranty ของเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆนะครับ ที่มักจะโม้ว่า Lifetime แต่พอถามจริงๆดันบอกว่า เป็น lifetime ของเครื่อง ซึ่งเค้าก็กำหนดเอาเองว่า 2 ปี หรือพูดง่ายๆคือประกัน 2 ปี แต่บอกว่า lifetime ให้มันดูหรู...
แต่ของ KSC35 คือ Lifetime Wattanty จริงๆ เป็น lifetime ที่เรียกว่า ตลอดชีวิต ของคนที่ซื้อมันใช้นั่นแหละครับ เปลี่ยนกันจนกว่าจะเลิกผลิตกันอีกรอบนึง ดังนั้น มันจึงเป็นหูฟังที่ประกันสุดยอดที่สุดแล้วครับ เพียงแ่ต่ไม่รู้เดี๋ยวนี้นโยบายเปลี่ยนหรือเปล่า ถ้าเปลี่ยนก็น่าเสียดายครับ...
แล้วก็ KSC35 มีแบบปลอมระบาดเหมือนกันนะครับ ในไทยเองผมยังไม่เคยเห็นแบบจริงๆจังๆ ( ไม่มั่นใจตัวที่เคยเจอในอดีตจะเป็นของปลอมหรือเปล่า ) ถ้าจะซื้อก็ดูดีๆแล้วกันครับ เพราะของปลอมทาง KOSS ไม่รับประักันครับ ผมมีรูปให้ดูเทียบงานของ copy กับของแท้ด้วยครับ
Frequency Response : 15-25,000 Hz
Impedance : 60 ohms
Sensitivity : 101 dB SPL/1mW
Distortion : <0.2%
Cord : Straight, Dual Entry, 4ft
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น